*** สามารถติดตามเคล็ดลับสุขภาพดีดีที่ไลน์แอดไอดี @HealthyThailand หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40healthythailand อย่าลืมคลิกมีกิจกรรมสนุกๆรับของรางวัลด้วยน้า ^

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

การจัดการเวลา


การจัดการเวลา
                        เวลาเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ ที่ใช้ในการดำรงชีวิตและการทำงาน เมื่อเรามาวิเคราะห์การใช้เวลา เราจะเห็นได้ว่า เรามักเสียเวลาไปกับการนอน การทำงาน การเดินทาง การกิน การพักผ่อน ฯลฯ
                เคยมีคนศึกษาการใช้เวลาของคนไทย โดยมีอายุเฉลี่ย 72 ปี คนไทยโดยเฉลี่ยมักใช้เวลาไปกับการนอนถึงวันละ ชั่วโมง ( นอน 24ปีหากคิดจากอายุเฉลี่ย 72 ปี) , ทำงาน ชั่วโมง( ทำงาน 18 ปีหากคิดจากอายุเฉลี่ย 72 ปี) ,เดินทาง ชั่วโมง(เดินทาง ปีหากคิดจากอายุเฉลี่ย 72 ปี) ฯลฯ
                ฉะนั้น หากเราสามารถปรับปรุงการใช้เวลาหรือหากเรามีการจัดการเวลาที่ดี ก็จะทำให้เราสามารถทำงานได้มากขึ้น สร้างผลงานต่างๆให้กับโลกได้มากขึ้น เช่น เราสามารถลดจำนวนเวลาในการนอนจากเฉลี่ยนอนวันละ ชั่วโมง เราอาจลดเหลือ ชั่วโมง ก็จะทำให้เราสามารถมีเวลาเหลืออีก ชั่วโมงต่อวัน หรือมีเวลามากกว่าคนอื่นถึง ปีหากคิดจากอายุเฉลี่ย 72 ปี
                หากจะพิจารณาว่าสิ่งที่เป็นปัจจัยในการใช้เวลาของคนเรา อาจมีอยู่ ปัจจัยด้วยกัน คือ 1.ตัวเราเอง 2.ผู้อื่นและ3.สิ่งแวดล้อม แต่ปัจจัยที่ทำให้การจัดการเวลามีประสิทธิภาพหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้อื่นและสิ่งแวดล้อมมีส่วนแค่ 20-30เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การจัดการเวลาที่ดีควรเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน
นักจัดการเวลาที่ดีควรจัดเวลาโดยการแบ่งเวลาให้เป็นระบบระเบียบ เช่น นักเขียนที่ประสบความสำเร็จหรือนักเขียนมืออาชีพมักจะมีการจัดตารางเวลาในการเขียน นักเขียนบางคนเริ่มต้นเขียนตั้งแต่ โมงเช้า จนถึง โมงเย็น เขาก็จะปฏิบัติตามทุกวันจนเคยชินและเป็นนิสัย
จังหวะเวลามีความสำคัญ กล่าวคือต้องรู้ว่าอะไรควรทำก่อน อะไรควรทำทีหลัง เช่น การต้มถั่วเขียวต้องเอาตัวถั่วเขียวใส่น้ำแล้วต้มจนเม็ดถั่วแตกก่อนแล้วใส่น้ำตาลลงไป กล่าวคือ ต้องรู้ว่าอะไรควรใส่ก่อน อะไรควรใส่ทีหลัง แต่ถ้า ใส่น้ำตาลก่อนแล้วใส่ถั่วเขียว จะปรากฏว่าเม็ดถั่วเขียวไม่ยอมแตก ทำให้เสียเวลาเปล่า
อยากทำอะไรให้รีบทำ ไม่ควรนึกฝันแล้วไม่ลงมือทำ  เคยมีลูกศิษย์ของผู้เขียน เคยถามผู้เขียนว่า เขามีโอกาสไปเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา เพราะพ่อแม่มีฐานะอีกทั้งมีญาติอยู่ที่สหรัฐอเมริกา สามารถช่วยเหลือและให้คำแนะนำต่างๆได้ แต่ในปัจจุบันเขาทำงานในหน่วยงานเอกชนแห่งหนึ่งใน กรุงเทพฯ จะลาออกไปเรียนต่อหรือทำงานต่อดี ผู้เขียนจึงแนะนำว่า เธอควรไป ถ้าเธออยากไป และถ้าหากเธอไม่อยากไปเธอก็ควรไป สรุปผู้เขียนพยายามพูดหว่านล้อมให้เขาไปเรียนเนื่องจาก เราควรลงมือตัดสินใจทำถ้ามีโอกาส ถ้าหากปล่อยเวลาเนิ่นนานต่อไป โอกาสนั้นอาจจะไม่กลับมาหาอีกก็ได้ ในที่สุด ลูกศิษย์ของผู้เขียนตัดสินใจไป  เรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ปี แล้วกลับมาทำงานที่บริษัทอีกแห่งหนึ่งที่ กรุงเทพฯ เป็นบริษัทมหาชน โดยเขาได้รับเงินเดือนถึงหกหลักเลยทีเดียว
การจัดการเวลาที่ดีควรมีการวางแผนและประเมินหรือควบคุมแผนที่วางไว้  เช่นมีเครื่องมือ Diary ,ตารางเวลา,ใบงาน , สมุดบันทึก ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนอาจใช้เครื่องมือหรือมีวิธีการในการจัดการเวลาที่ต่างกัน โดยไบรอัน เทรซี่(นักพัฒนาศักยภาพของมนุษย์) เคยกล่าวไว้ว่า ทุกๆ นาทีที่ใช้ในการวางแผนจะประหยัดเวลาได้มากถึง 10 นาที ฉะนั้นหากคุณใช้เวลาวางแผน 10 นาที คุณจะประหยัดเวลาได้ตั้ง 100 นาที หรือ 1ชั่วโมงกับ 40 นาที เลยทีเดียว
สำหรับการจัดการเวลาของผู้เขียน ผู้เขียนมักมีเครื่องมือที่ใช้  กล่าวคือ มี Diary 1 เล่ม มีสมุดบันทึก มีกระดาษเปล่า A4  โดยทุกๆคืน ผู้เขียนจะมานั่งวางแผนโดยคิดวางแผนเป็นแผนรายปี ทุกปีต้องมีเป้าหมายที่จะต้องทำให้สำเร็จ โดยมี Diary พกติดตัวเป็นประจำ ถ้ามีงานใหม่ๆ เข้ามาก็จะบันทึกลงไปว่าต้องทำอะไรในวันไหน สำหรับสมุดบันทึกใช้บันทึกข้อความต่างๆ ที่อ่านพบแล้วรู้สึกประทับใจก็จะบันทึกไว้ เพื่อเป็นข้อมูลในการเขียนหนังสือต่อไป สำหรับกระดาษเปล่า A4 ทุกคืน ผู้เขียนจะมานั่งวางแผนว่าจะทำอะไรในวันพรุ่งนี้โดยเรียงลำดับจาก 1-15และหมายเหตุลำดับว่าอะไรต้องทำก่อนทำหลัง พอถึงวันพรุ่งนี้ก็ทำตามลำดับในกระดาษ A4 ที่ได้วางแผนไว้ เมื่อลำดับไหนทำเสร็จก็จะขีดฆ่า และเมื่อมีอะไรจะต้องทำในวันพรุ่งนี้หรือวันนี้ ก็จะเขียนลงในตอนท้ายของกระดาษ A4
                ทั้งนี้การจัดการเวลาเป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์ กล่าวคือ สามารถเรียนรู้ได้ สามารถนำไปปฏิบัติ บางหลักการคนอื่นนำไปใช้แล้วได้ผล แต่บางคนอาจจะไม่ชอบ เราก็สามารถเลือกวิธีการวางแผนหรือเลือกใช้เครื่องมือในการวางแผนตามที่เราถนัดหรือชอบได้ แต่ทั้งนี้ถ้าอยากให้ได้ผลเราก็ควรที่จะปฏิบัติตามและลงมือทำอย่างตั้งใจ ทำจนเป็นนิสัยถึงจะประสบความสำเร็จในเรื่องของการจัดการเวลา




20 วิธีจัดการเวลา


1. มีแผนในแต่ละวันทุกๆวัน เขียน Todo List ทุกๆเช้าหรือก่อนนอน ทำให้เรารู้แผนงานคร่าวๆในแต่ละวัน

 2. มีกำหนดเวลาในแต่ละงาน ต้องมีกำหนดว่าแต่ละงานเสร็จเวลาเท่าใด 10 โมงเช้า ,บ่ายสามโมง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทำงานซ้อนกันจนยุ่งเหยิง

3. ใช้ปฏิทินให้เป็นประโยชน์ โดยเฉาะใน Year Planner  หรือใช้เทคโนโลยีเช่น Google Calender .... ในปัจจุบันคนที่มีโทรศัพท์ Smart Phone เช่น iPhone มีปฏิทินอยู่แล้วในการจัดวางตารางเวลา และสามารถ Sync กับ Google Calender ได้หากมีการเปลี่ยนแปลงจากผู้ร่วมงาน และแชร์ปฏิทินร่วมกันเพื่อดูเวลาว่างกันได้

 
4.  ใช้ออแกไนเซอร์ ช่วยในการจัดการชีวิต ซึ่งเป็นการจัดการลำดับความสำคัญ?, todo list  ในแต่ละวันแต่ละวัน
 
5. รู้เส้นตายของงานในแต่ละวัน และเขียนให้แน่ชัดในปฏิทิน หรือออแกไนเซอร์
6. หัดปฏิเสธเสียบ้าง หากจะทำอย่างอื่นเพื่อไม่ให้เสียงานที่เคยลงเอาไว้ อย่ามีข้ออ้างให้งานเสีย
 
7.  ควรทำงานให้เสร็จก่อนกำหนดเวลาที่เรากำหนดไว้
8. ทำ TimeBoxing (อ่านเพิ่มเติม http://en.wikipedia.org/wiki/Timeboxing) เพื่อให้รู้ถึง คาบเวลา
9.  มีนาฬิกาใหญ่อยู่ตรงหน้า เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานให้เสร็จตามกำหนด
 
10. ในแต่ละงานควรมีแจ้งเตือนก่อน 15 นาที (อาจจะใช้มือถือ ในการเตือน หรือตั้งเวลาไว้ในนาฬืกา Digital)

11. มีสมาธิ ไม่ทำอย่างอื่นหลายๆอย่าง (Multi-tasking) เช่น เปิดเว็บไป แล้วเปิดหลายๆแทบพร้อมกัน ก็จะไม่มีสมาธิในการทำงาน
 
12. เอาสิิ่งที่รบกวน ออกไปให้หมด เช่น Instant Message,Twitter,Facebook ,ริงโทน เป็นต้น 

 
13.  ควรมีการจับเวลา (Track) ว่าใช้ไปเท่าใดแล้ว อาจจะใช้  Timer ในมือถือหรือนาฬิกาดิจิตอลในการจัดการ
14. อย่ายุ่งยากกับรายละเอียดที่ไม่สำคัญ เพราะเราอาจจะไม่สามารถทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบได้ในเวลาที่กำหนดในเรื่องเล็กๆน้อยๆ

15. จัดลำดับความสำคัญ  เร่งด่วน/ไม่เร่งด่วน,สำคัญ/ไม่สำคัญ ใช้ 20% ในการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังจะเพิ่มประสิทธิผลถึง 80% ในการทำงาน ตามกฏ 80/20

16. ยกหน้าที่ให้ ในกรณีที่มีคนอื่นสามารถทำงานนั้นได้ดีกว่าเรา เพื่อเราสามารถทำสิ่งที่สำคัญอย่างอื่นแทน

17. นำงานที่ลักษณะคล้ายๆกันมาไว้ด้วยกัน หมวดหมู่เดียวกัน

18. เอาสิ่งที่เสียเวลาออกไปให้หมด เช่น Twitter,Facebook ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราเสียเวลากับมันมากโดยเฉพาะ ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ในเกมเหล่านี้ ,นำเว็บใน Bookmark ที่ไร้สาระออกไปแทนที่ด้วยเว็บที่สำคัญต่อการทำงาน 
19.  ตัดงานบางอย่างออกหากต้องการ เอาสิ่งที่มีความสุญเสียออกหากจำเป็น 
20. แต่ละงานที่ทำควรมีระยะทิ้งห่างกันประมาณ 5-10 นาที อย่าไล่เลี่ยกัน

Ref
http://www.lifehack.org/articles/lifehack/20-quick-tips-for-better-time-management.html Credit 
http://shuu.exteen.com/20100826/entry-1
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com



วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

7 Habits อุปนิสัยแห่งคนที่มีประสิทธิผลสูง : กิจกรรมที่สำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน


7 Habits: อุปนิสัยที่ 3 Put first things first





ตอนนี้เป็นตอนที่กล่าวถึง อุปนิสัยที่ 3 ใน 7 อุปนิสัยแห่งคนที่มีประสิทธิผลสูงกันแล้วนะครับ อ่านจบไป 2 อุปนิสัยแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ ได้มีการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของเราบ้างหรือเปล่า โดยเฉพาะเรื่องของ Proactive ผมคิดว่าเป็นนิสัยแรกที่หลายๆ จำได้กันหมด แต่จะเอาไปใช้มากน้อยสักแค่ไหน ก็คงอยู่ที่ตัวเราเอง


อุปนิสัยที่ 3 นั้นพูดถึงเรื่องของ การทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน ภาษาอังกฤษเขาใช้ว่า Put first things first ก็คือ อะไรที่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ในอุปนิสัยที่สอง ก็ให้เริ่มทำก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ให้ทำทีหลังก็ได้

ผู้เขียนเขาใช้ตัวอย่างเรื่องของการนำเอาก้อนหินหลายๆ ขนาด ซึ่งมีตั้งแต่ขนาดใหญ่มาก กลาง และขนาดเล็ก จนไปถึงก้อนกรวด แล้วให้เราใส่ลงไปในถังเปล่า 1 ใบให้เต็มโดยต้องไม่ให้เกินกว่าขอบถัง ผู้ที่ขึ้นมาใส่หน้าชั้นส่วนใหญ่จะเทก้อนกรวดลงไปในถังก่อน จากนั้นค่อยพยายามยัดก้อนหินแต่ละขนาดลงไป ซึ่งก็ทำให้ใส่ได้ไม่หมด มีก้อนหินหลายก้อนที่เกินขอบถังขึ้นมา

สิ่งที่ผู้เขียนทำให้ดูก็คือให้ใส่ก้อนหินขนาดใหญ่ลงไปก่อน ตามด้วยขนาดกลาง เล็ก จากนั้น ก็เทก้อนกรวดลงไป ซึ่งกรวดเหล่านี้ก็จะไปแทรกอยู่ระหว่างช่องว่างของก้อนหินต่างขนาดกันนั่นเอง ซึ่งสุดท้ายก็ทำให้ก้อนหินทุกก้อนถูกบรรจุลงในถังเปล่าได้พอดี

สิ่งที่ผู้เขียนอุปมาอุปมัยก็คือ หินขนาดใหญ่เปรียบเสมือนงานที่สำคัญของเรา ก้อนกลาง เล็ก และกรวด สำคัญรองลดหลั่นกันลงมา ถ้าเรามัวแต่ไปใส่ใจกับงานเล็กๆ ที่ไม่สำคัญต่อเป้าหมายของเรา ก็จะทำให้เราไม่มีเวลาที่จะมาทำงานสำคัญของเรา ซึ่งทำให้เป้าหมายของเราไปไม่ถึงซักที สิ่งที่ควรจะทำก็คือ ให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่สำคัญในชีวิตของเราก่อน จากนั้นเมื่อเวลาเหลือ ก็ค่อยมาดูงานเล็กๆ เหล่านั้นอีกที

ก็เลยเป็นที่มาของงานในสองมุม ก็คือ สำคัญ กับเร่งด่วน

กิจกรรมที่ไม่สำคัญ แต่เร่งด่วน ส่วนใหญ่เรามักจะใช้เวลากับกิจกรรมแบบนี้มากไปหน่อย ซึ่งก็คือ การตอบอีเมล์ที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการให้เราตอบทันที หรือ การรับโทรศัพท์ของใครก็ตามที่โทรเข้ามา เราต้องรับ การถูกเรียกประชุมบางเรื่อง ซึ่งก็ไม่ได้มีความสำคัญมากเท่าไหร่ แต่ต้องรีบปฏิบัติ เป็นต้น
กิจกรรมที่สำคัญ และเร่งด่วน กิจกรรมเหล่านี้มักจะเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะถ้าไม่รีบแก้ก็จะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ กิจกรรมแบบนี้ถ้ามีมากเกินไปก็จะทำให้เราไม่ต้องพัฒนาอะไรเลย เพราะมัวแต่แก้ไขปัญหาไปวันๆ
กิจกรรมที่ไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วน กิจกรรมเหล่านี้เช่นการตอบสนองสิ่งที่เพื่อนๆ โพสใน facebook การเล่นเกมส์ การตอบอีเมล์เพื่อนเก่า ฯลฯ แต่ส่วนใหญ่ปัจจุบันคนมักจะให้ความสำคัญกับกิจกรรมเหล่านี้มากเกินไป ทำให้เวลาหายไป จนกิจกรรมหลักไม่มีเวลาทำ ซึ่งจะส่งผลต่อเป้าหมายของเราได้
กิจกรรมที่สำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน ผู้เขียนให้ความสำคัญกับกิจกรรมนี้มาก เพราะถือว่าเป็นกิจกรรมที่เน้นการวางแผนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น ทำให้เราไม่ต้องมานั่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอยู่ทุกวัน แต่คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยให้เวลากับกิจกรรมนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องมานั่งคิด นั่งวางแผน คนเราส่วนใหญ่ชอบลุยเลย แต่สุดท้ายก็มาแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันให้เสียเวลากันอีก
ลองดูจาก ภาพข้างล่างนี้ประกอบก็ได้นะครับ





ดังนั้นถ้าเรามีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อก็คือ การให้เวลาในกิจกรรมสำคัญ ที่จะทำให้เราไปสู่เป้าหมายนั้นได้เร็วขึ้น และลดกิจกรรมที่ไม่สำคัญลง ใช้เวลาที่มีอยู่จำกัดให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตเรามากที่สุด ซึ่งในการทำตรงนี้จะต้องมีวินัยในตนเองมาก ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องใช้นิสัยที่ 1 เข้ามาช่วยก็คือ Proactive นั่นเองครับ อย่า React ไปตามความอยากของเรา จนทำให้กิจกรรมในแต่ละวันที่เราทำนั้นไม่ได้เป็นกิจกรรมที่เอื้อให้เราบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้

วันนี้คุณทำกิจกรรมที่สำคัญ แต่ไม่เร่งด่วนบ้างหรือเปล่าครับ

REF:  http://prakal.wordpress.com/2012/07/25/7-habits-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-3-put-first-things-first/

วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

โครงการปลูกป่าใต้ทะเล ช่วยชาวเลรักษ์พะยูน จันทบุรี 21-22 กรกฎาคม 2555

โครงการปลูกป่าใต้ทะเล ช่วยชาวเลรักษ์พะยูน

วันที่ : 21-22 กรกฎาคม 2555
สถานที่ : จันทบุรี     “พะยูน” เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถือเป็นจิตวิญญาณของทะเล  เป็นดัชนีวัดความสมบูรณ์ทางธรรมชาติซึ่งมีจำนวนลดน้อยลงจนเกือบจะสูญพันธุ์เช่นเดียวกับในบริเวณชายฝั่งบ้านเจ้าหลาว ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ที่ปะการังนอกชายฝั่งถูกสัมปทานเพื่อทำเป็นปูนขาว และได้รับผลพวงจากสภาวะโลกร้อน การกรัดก่อนชายหาดและประมงเชิงอุตสาหกรรมที่ทำลายทั้งหน้าดิน หญ้าทะเล จน “พะยูน” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หมูดุด” ค่อยๆ ลดจำนวนจนสูญหายไปจากชายฝั่ง


....................................................................................


กิจกรรมอาสาสมัคร
ชื่อมโยงใจอาสา เป็นพลังสร้างอนาคต
ตลอด 30 ปีที่ กระทิงแดง อยู่ร่วมกับสังคมไทย เราเชื่อมั่นมาตลอดว่า ทุกคนมีพลัง ที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่พรุ่งนี้ที่ดีขึ้น ไม่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง สังคม ชุมชน หรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเอง คนรอบข้าง และร่วมมือกับคนอื่นๆ ในสังคม

กระทิงแดง ขออาสาเป็นตัวกลาง เชื่อมโยงให้ผู้ที่อยากเห็น และอยากร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม เราร่วมมือกับกลุ่มคนที่ทำงานจริง ทำงานเปลี่ยนแปลงให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น ภูมิใจในตัวเอง และมีความสุขมากขึ้น ให้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคงความอุดมสมบูรณ์ และเปิดโอกาสให้คนทั่วไป เข้ามาร่วมทำกิจกรรมกับโครงการในฐานะ อาสาสมัคร Red Bull Spirit ร่วมกิจกรรมอาสาสมัครหลากหลายรูปแบบ ที่จะจัดขึ้นตลอดทั้งปี
สิ่งที่เราแต่ละคนทำได้ แม้เพียงน้อยนิด ก็สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น และหากเราได้ร่วมแรง ลงมือ ร่วมใจกัน สิ่งที่เราร่วมมือกันทำนั้น อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ก็ได้ ขอเพียงมีใจมุ่งมั่น และพร้อมที่จะลงแรงทำ ทุกสิ่งก็จะเป็นจริงได้ด้วยพลังเรา


ลิงค์การสมัคร>>>


..................................................................สมัคร แล้วไปด้วยกันนะครับ ^__^

.............................................................................POOH pharmacy


โครงการพัฒนาพื้นที่ป่าอย่างยั่งยืน อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี 7-8 กรกฎาคม 2555


โครงการพัฒนาพื้นที่ป่าอย่างยั่งยืน
วันที่ : 7-8 กรกฎาคม 2555
สถานที่ : อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
     เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เพาะเมล็ดวันพ่อ ปลูกต่อวันแม่” เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานโดยมีแผนในการปลูกและดูแลต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อให้ต้นไม้อยู่รอด สามารถยืนต้นเป็นต้นแม่ต่อไปได้และเป็นการส่งเสริมให้อาสาสมัคร เข้าใจถึงงานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากร ธรรมชาติ และลงมือทำงานอนุรักษ์ป่าอย่างครบครัน




....................................................................................


กิจกรรมอาสาสมัคร
ชื่อมโยงใจอาสา เป็นพลังสร้างอนาคต
ตลอด 30 ปีที่ กระทิงแดง อยู่ร่วมกับสังคมไทย เราเชื่อมั่นมาตลอดว่า ทุกคนมีพลัง ที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่พรุ่งนี้ที่ดีขึ้น ไม่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง สังคม ชุมชน หรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเอง คนรอบข้าง และร่วมมือกับคนอื่นๆ ในสังคม
กระทิงแดง ขออาสาเป็นตัวกลาง เชื่อมโยงให้ผู้ที่อยากเห็น และอยากร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม เราร่วมมือกับกลุ่มคนที่ทำงานจริง ทำงานเปลี่ยนแปลงให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น ภูมิใจในตัวเอง และมีความสุขมากขึ้น ให้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคงความอุดมสมบูรณ์ และเปิดโอกาสให้คนทั่วไป เข้ามาร่วมทำกิจกรรมกับโครงการในฐานะ อาสาสมัคร Red Bull Spirit ร่วมกิจกรรมอาสาสมัครหลากหลายรูปแบบ ที่จะจัดขึ้นตลอดทั้งปี
สิ่งที่เราแต่ละคนทำได้ แม้เพียงน้อยนิด ก็สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น และหากเราได้ร่วมแรง ลงมือ ร่วมใจกัน สิ่งที่เราร่วมมือกันทำนั้น อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ก็ได้ ขอเพียงมีใจมุ่งมั่น และพร้อมที่จะลงแรงทำ ทุกสิ่งก็จะเป็นจริงได้ด้วยพลังเรา

ลิงค์การสมัคร>>>


..................................................สมัคร แล้วไปด้วยกันนะครับ ^__^
................................................................POOH pharmacy

โครงการอาสาเชื่อมใจคนตาบอด และคนตาดี จ.สุราษฏ์ธานี 16-17 มิถุนายน 2555


โครงการอาสาเชื่อมใจคนตาบอด และคนตาดี
วันที่ : 16-17 มิถุนายน 2555
สถานที่ : โรงเรียนสอนคนตาบอด จ.สุราษฏ์ธานี
     ผู้พิการทางสายตา มีมากกว่าหนึ่งแสนคน ในประเทศไทย และทุกคนต้องการพื้นที่ในการใช้ชีวิตในสังคม พื้นที่หนึ่งที่คอยเชื่อมผู้พิการทางสายตา เข้าสู่สังคม คือโรงเรียนสอนคนตาบอด ที่คอยให้การศึกษาทั้งด้านวิชาการ และ การใช้ชีวิต ดั่งเช่น โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคใต้
     นอกจากการให้การศึกษาแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่คนปกติและผู้พิการ ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อนำพาไปสู่การอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เรียนรู้และเข้าใจ โลกของคนตาบอดเรียนรู้วิธีการปฎิบัติตัวกับคนตาบอดที่ถูกต้องสร้างความสุข และเบิกบานใจ ด้วยการฝึกจินตนาการถึงโลกแห่งความเบิกบานที่ไม่ต้องมองเห็นด้วยสายตา   

.....................................................................................


กิจกรรมอาสาสมัคร
ชื่อมโยงใจอาสา เป็นพลังสร้างอนาคต
ตลอด 30 ปีที่ กระทิงแดง อยู่ร่วมกับสังคมไทย เราเชื่อมั่นมาตลอดว่า ทุกคนมีพลัง ที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่พรุ่งนี้ที่ดีขึ้น ไม่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง สังคม ชุมชน หรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเอง คนรอบข้าง และร่วมมือกับคนอื่นๆ ในสังคม
กระทิงแดง ขออาสาเป็นตัวกลาง เชื่อมโยงให้ผู้ที่อยากเห็น และอยากร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม เราร่วมมือกับกลุ่มคนที่ทำงานจริง ทำงานเปลี่ยนแปลงให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น ภูมิใจในตัวเอง และมีความสุขมากขึ้น ให้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคงความอุดมสมบูรณ์ และเปิดโอกาสให้คนทั่วไป เข้ามาร่วมทำกิจกรรมกับโครงการในฐานะ อาสาสมัคร Red Bull Spirit ร่วมกิจกรรมอาสาสมัครหลากหลายรูปแบบ ที่จะจัดขึ้นตลอดทั้งปี
สิ่งที่เราแต่ละคนทำได้ แม้เพียงน้อยนิด ก็สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น และหากเราได้ร่วมแรง ลงมือ ร่วมใจกัน สิ่งที่เราร่วมมือกันทำนั้น อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ก็ได้ ขอเพียงมีใจมุ่งมั่น และพร้อมที่จะลงแรงทำ ทุกสิ่งก็จะเป็นจริงได้ด้วยพลังเรา
ลิ้งค์สมัคร >>>
http://www.redbullspirit.org/calendar/2012/06/02/calendar-12-0-550.html#activity

............................................สมัคร แล้วไปด้วยกันนะครับ ^__^
.............................................................POOH pharmacy


my.pic activity redbull spirit 2553...






my.pic activity redbull spirit 2554...





ทักทาย แนะนำ ติชม แสดงความคิดเห็น