ป้องกัน “มะเร็ง” ง่ายๆ ด้วยการช่างสังเกต
หากพูดถึงโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนเป็นอันดับต้นๆแล้ว ทุกคนคงจะนึกถึง ‘โรคมะเร็ง’ อย่างแน่นอน เพราะในปัจจุบันผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี บางรายก็รักษาหายขาดได้ บางรายก็กลับมาเป็นซ้ำ ในขณะที่บางรายก็รักษาไม่ทันจนต้องจากโลกนี้ไปก่อน
ไม่มีใครอยากเผชิญหน้ากับโรคร้ายนี้หรอก แต่เพราะวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป อาหารการกินที่ไม่เหมือนเดิม รวมถึงสารพิษที่สามารถเข้าถึงตัวเราได้มากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าแค่ไหน แต่ก็ยังพบว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งเกิดเพิ่มขึ้นทุกปี
สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งหรือแก้ไขปัญหาก่อนที่มะเร็งจะบานปลายได้ ก็คือการเป็นคนช่างสังเกต และพยายามตรวจสอบความผิดปกติของตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งจะเป็นเคล็ดลับที่ทำให้คุณรับมือกับโรคร้ายชนิดนี้ และสามารถรักษามะเร็งให้หายขาดได้ อะไรบ้างที่จะเป็นสัญญาณบอกว่าคุณกำลังจะเป็น ‘มะเร็ง’ ลองมาศึกษาไปพร้อมกันตอนนี้เลยค่ะ
1. มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งที่ผู้หญิงต้องระมัดระวัง สามารถสังเกตความผิดปกติได้จาก การมีเลือดออกจากช่องคลอดในเวลาที่ไม่ใช่รอบเดือนหรือมีเลือดออกหลังจากการมีเพศสัมพันธ์อยู่เสมอ ซึ่งคนไหนที่สงสัยว่าตัวเองกำลังมีความเสี่ยง ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อขูดเอาเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวมาตรวจ หรืออาจป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ไว้แต่เนิ่นๆก็ได้ เพราะยิ่งฉีดเร็วมากเท่าไรก็ยิ่งดีต่อตัวคุณมากเท่านั้น
2. มะเร็งในมดลูก
หากพบว่ามักมีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือในบางครั้งอาจมีความรู้สึกเหมือนว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมผิดปกติในช่องท้อง อยากให้คุณระมัดระวังการเกิดมะเร็งในมดลูกให้ดี เพราะมันมีสิทธิเกิดขึ้นกับคุณได้
3. มะเร็งรังไข่
หากประจำเดือนของคุณมาไม่สม่ำเสมอ หรือมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ อาจเป็นหนึงในสัญญาณของการเป็นมะเร็งที่รังไข่ได้
4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย)
คนไหนที่มักมีอาการเหนื่อยง่าย และซีดเซียวมากกว่าคนปกติ เวลาชนอะไรนิดอะไรหน่อยก็จะเกิดอาการฟกช้ำดำเขียวหรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่าย แถมยังจะมีอาการปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย หรือท้องอืดแบบไม่ทราบสาเหตุ ระวังไว้เลยว่าคุณอาจจะกำลังโดนมะเร็งเม็ดเลือดเล่นงานอยู่ก็ได้
5. มะเร็งปอด
ถ้าสังเกตว่าคุณมีอาการไอบ่อยเกินไป มีเลือดและเสมหะปนมากับน้ำลาย หรือมีน้ำหนักที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ พร้อมๆกับอาการเจ็บหน้าอก หอบ และหายใจลำบาก คุณอาจจะต้องไปตรวจปอดให้ละเอียดมากขึ้น เพราะเป็นไปได้ว่ากำลังสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอด
6. มะเร็งตับ
มะเร็งตับสามารถสังเกตได้จากอาการปวดในช่องท้อง รู้สึกเบื่ออาหาร น้ำหนักลดเร็ว ตาและผิวเป็นสีเหลืองอย่างเด่นชัด ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่เห็นได้อย่างเด่นชัด หากพบว่ามีอาการเหล่านี้อยู่ คุณจะนิ่งดูดายไม่ได้แล้ว รีบไปพบแพทย์โดยด่วย
7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
การมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะเป็นสิ่งที่ต้องรีบแก้ไขด่วน เพราะถ้าคุณโชคร้าย อาจตกเป็นเหยื่อของโรคมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะได้
8. มะเร็งสมอง
แม้ว่าอาการปวดศีรษะจะเป็นอาการทั่วไปที่พบได้บ่อยจนหลายคนชิน แต่ถ้าปวดศีรษะติดต่อกันนาน ๆ บวกกับมีอาการอาเจียนหรือความผิดปกติด้านการมองเห็นร่วมด้วย อยากให้คุณระวังตัวมากเป็นพิเศษ เพราะมะเร็งอาจจะกำลังกัดกินสมองคุณอยู่ก็เป็นได้
9. มะเร็งในช่องปาก
แผลเปื่อยที่ไม่ได้รับการรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้อง หรือการกดทับของฟันปลอมอย่างยาวนาน สามารถนำพาโรคมะเร็งช่องปากมาสู่คุณได้เช่นกัน
10. มะเร็งในลำคอ
หากรู้สึกว่ามีก้อนบวมอยู่ในลำคอจนทำให้กลืนอาหารได้อย่างยากลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนรู้สึกได้
พร้อมกับอาการเสียงแหบแบบไม่มีที่มา
คุณต้องระวังตัวเองให้ดี เพราะมีสิทธิที่จะกลายเป็นมะเร็งในลำคอได้
พร้อมกับอาการเสียงแหบแบบไม่มีที่มา
คุณต้องระวังตัวเองให้ดี เพราะมีสิทธิที่จะกลายเป็นมะเร็งในลำคอได้
11. มะเร็งทรวงอก
หากมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนม หรือรู้สึกว่าหน้าอกบวม ให้ระวังว่าจะเกิดมะเร็งทรวงอกเอาไว้ด้วย แต่ถ้าใครทราบวิธีการคลำใต้รักแร้หรือหน้าอก ก็หมั่นตรวจสอบตัวเองเอาไว้ด้วย เพราะเป็นวิธีง่ายๆที่จะตรวจสอบความผิดปกติได้ก่อนใคร
12. มะเร็งลำไส้
อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ปวดท้องอย่างหนัก ระบบการย่อยอาหารทำงานไม่ดี หรือมีเลือดสีดำคล้ำปนออกมากับอุจจาระ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนแต่เป็นอาการของ ‘โรคมะเร็งในลำไส้’ ได้ทั้งนั้น อย่ามองข้ามความผิดปกตินี้เด็ดขาด
13. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
เมื่อใดที่คุณพบว่ามีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยแรกๆที่บ่งบอกถึงการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หมั่นตรวจสอบร่างกายตัวเอง และเข้าพบแพทย์ทันทีที่พบสิ่งปกติ จะช่วยให้คุณรู้สึกปลอดภัยต่อสิ่งที่จะเกิดได้มากขึ้น
สัญญาณร่างกายมีประโยชน์เสมอ ตราบใดที่คุณรู้จักสังเกตและไม่มองข้ามมันไป อย่างไรก็ตาม เมื่อพบสัญญาณผิดปกติเหล่านี้ อย่าเพิ่งจิตตกจนเกินไป เพราะตราบใดที่คุณยังไม่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ คุณก็ยังไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลให้มากจนเกินไป เพียงแต่การรู้ตัวได้ก่อนน่าจะช่วยให้คุณสามารถตั้งรับกับความผิดปกติเหล่านี้ได้ดีกว่า และจะได้มีเวลาแก้ไขปัญหาได้ก่อนใคร
------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเราเป็นเพื่อนเฟสบุค http://www.facebook.com/HealthyThailandCenter
ติดตามกูรูด้านสุขภาพทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40HealthyThailand
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://goo.gl/oogIL8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น