CHIA SEED ธัญพืชมาใหม่ ที่ใครก็ต้องลอง
เมล็ดเจีย (Chia Seed) เป็นหนึ่งในอาหารยังชีพของชาวอินเดียแดงทางตอนใต้มานานแล้ว เนื่องจาก ธัญพืชเมล็ดเล็กที่ว่านี้มีคุณประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล ทั้งประโยชน์ด้านการให้พลังงาน และการให้คุณค่าทางสารอาหาร แต่สำหรับคนไทยแล้ว อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูกับชื่อเมล็ดเจียสักเท่าไรนัก ฉะนั้น วันนี้เราจึงต้องมาเรียนรู้ไปด้วยกันว่า ธัญพืชชนิดนี้คืออะไร และทำไมเราต้องกินมันเข้าไปด้วย
เมล็ดเจียไม่ใช่พืชที่เพิ่มเกิดขึ้นมาใหม่ แต่เชื่อว่าเป็นพืชที่มีอายุยาวนานมามากกว่า 3,500 ปีก่อนคริสตกาลแล้ว ธัญพืชชนิดนี้นิยมนำมาบริโภคเพื่อเป็นอาหารหลัก โดยอาจรับประทานในรูปแบบของเมล็ดธัญพืช หรือนำเอาเมล็ดเจียไปบดรวมกับแป้ง ก่อนที่จะคั้นเอาน้ำมันออกมา แต่ไม่ว่าจะรับประทานเมล็ดเจียในลักษณะไหน ผู้บริโภคทุกคนก็มีสิทธิที่จะได้รับคุณประโยชน์ที่มีอยู่ในธัญพืชชนิดนี้ได้ทั้งนั้น
ลักษณะทางกายภาพของเมล็ดเจีย จะเป็นพืชเมล็ดเล็กๆที่มีสีดำหรือสีขาวและมีลวดลายมีผิวเล็กน้อย เปลือกนอกของเมล็ดชนิดนี้จะสามารถพองตัวออกได้เมื่อสัมผัสกับน้ำ และลักษณะการพองจะคล้ายกับเม็ดแมงลัก แต่ลักษณะเมล็ดจะใสกว่า พืชชนิดนี้ชอบที่จะเจริญเติบโตในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ ดังนั้น จึงพบว่าเมล็ดเจียจะนิยมปลูกกันมากในทวีปอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น ประเทศเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา กัวเตมาลา เอกวาดอร์ หรือโบลิเวีย และรวมถึงประเทศออสเตรเลียด้วย สำหรับประเทศไทยก็สามารถปลูกได้เช่นกัน แต่จะเฉพาะเจาะจงในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำเท่านั้น เช่น ลำปาง กาญจนบุรี เป็นต้น
แล้วคุณประโยชน์ของเมล็ดเจียมีอะไรบ้าง? สิ่งแรกที่คุณจะได้รับจากการรับประทานเมล็ดพืชชนิดนี้ ก็คือ ‘ความอิ่มท้อง’ เนื่องจากก่อนที่เราจะนำเอาเมล็ดเจียมารับประทาน จะต้องผ่านการแช่น้ำเสียก่อน ซึ่งน้ำจะถูกดูดซึมเข้าไปในเมล็ดเจีย ทำให้เมล็ดเจียบวมน้ำมากขึ้น ไฟเบอร์ที่ละลายในน้ำที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในเมล็ดเจียจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มท้องได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมันจะเข้าไปขยายตัวเพิ่มในกระเพาะอาหารของเรา และทำให้ระบบย่อยอาหารค่อยๆย่อยไปทีละน้อยๆ เราจึงรู้สึกอิ่มนานมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะมีองค์ประกอบของใยอาหารสูงแล้ว เมล็ดเจียยังมีโปรตีนประกอบอยู่ถึงร้อยละ 20 ซึ่งโปรตีนก็เป็นหนึ่งสารอาหารที่สามารถช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี การรับประทานธัญพืชชนิดนี้จึงมีผลให้คุณรู้สึกอิ่มท้องได้นาน แต่มีแคลอรีต่ำ และไม่มีการสะสมเป็นไขมันในร่างกาย
ในส่วนของคุณค่าทางโภชนาการ เมล็ดเจียถือเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture) เปิดเผยว่า เมล็ดเจียจัดเป็นธัญพืชที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ใยอาหาร โอเมก้า-3 โอเมก้า-6 แคลเซียม สารต้านอนุมูลอิสระ และโปรตีน และด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เป็นผลให้การรับประทานเมล็ดเจีย เป็นหนึ่งในแนวทางในการรักษาสุขภาพของบุคคลที่รักและห่วงใยในสุขภาพของตนเองทุกคน
การที่เมล็ดเจียมีกรดไขมันโอเมก้า-3 และ โอเมก้า-6 สูง มีผลให้สามารถช่วยปรับสมดุลของระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นผลให้คุณห่างไกลจากการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจได้อย่างแน่นอน และนอกจากเลือดจะมีไขมันไม่ดีต่ำแล้ว ยังช่วยให้เลือดมีระดับน้ำตาลต่ำด้วย เนื่องจากเมล็ดเจียเป็นธัญพืชที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่มีไฟเบอร์สูง ซึ่งคุณสมบัติที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็นเกราะป้องกันการเกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้เป็นอย่างดี
นอกจาก โอเมก้า-3 จะมีคุณประโยชน์ที่ดีต่อหัวใจแล้ว ยังมีประโยชน์ที่ดีต่อสมองด้วย เชื่อหรือไม่ว่า การรับประทานเมล็ดเจียมีผลให้คุณได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 สูงกว่าการรับประทานปลาแซลมอนถึง 9 เท่า ซึ่งการได้รับสารโอเมก้า-3 ในปริมาณสูง มีผลให้ระบบประสาทและสมองถูกพัฒนาให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ มีสมาธิ และจดจำสิ่งต่างๆได้อย่างยาวนาน
อีกหนึ่งประโยชน์ที่โอเมก้า-3 ช่วยได้ ก็คือ การช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง เนื่องจากในเมล็ดเจียเต็มไปด้วยแร่ธาตุสำคัญอย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของโครงสร้างในร่างกาย ช่วยลดอาการกระดูกพรุนและภาวะกระดูกบางได้
อีกหนึ่งประโยชน์ที่โอเมก้า-3 ช่วยได้ ก็คือ การช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง เนื่องจากในเมล็ดเจียเต็มไปด้วยแร่ธาตุสำคัญอย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของโครงสร้างในร่างกาย ช่วยลดอาการกระดูกพรุนและภาวะกระดูกบางได้
สำหรับรูปแบบในการรับประทาน เมล็ดเจียมีรูปแบบการรับประทานที่หลากหลาย ทั้งการนำเอาไปผสมในอาหารคาว อย่างสลัดผัก สปาเกตตี้ พิซซ่า หรือก๋วยเตี๋ยว จะนำมาผสมในอาหารหวานก็ได้เช่นกัน ทั้งการทำเป็นเมนูไอศกรีม สมูธตี้ หรือมิลค์เชค แต่ถ้าอยากดื่มเป็นเครื่องดื่ม ก็สามารถนำไปใส่ในน้ำผลไม้ ชา หรือกาแฟ ได้เช่นกัน คุณอยากจะรับประทานรูปแบบไหน ก็เลือกได้ตามสะดวกเลยค่ะ
เมล็ดเจียเป็นธัญพืชที่สามารถนำมารับประทานเป็นอาหารได้ทุกวัน แต่อาจมีปริมาณการรับประทานที่ไม่เท่ากันในแต่ละวัย โดยเด็กเล็กควรรับประทานประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน ในขณะที่ผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้ถึง 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน ส่วนผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรบริโภคแบบป่นให้ได้ประมาณ 33-41 กรัม ในทุก ๆ 3 เดือน
เมล็ดเจียเป็นธัญพืชที่สามารถนำมารับประทานเป็นอาหารได้ทุกวัน แต่อาจมีปริมาณการรับประทานที่ไม่เท่ากันในแต่ละวัย โดยเด็กเล็กควรรับประทานประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน ในขณะที่ผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้ถึง 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน ส่วนผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรบริโภคแบบป่นให้ได้ประมาณ 33-41 กรัม ในทุก ๆ 3 เดือน
ทราบถึงประโยชน์และการรับประทานเมล็ดเจียกันไปแล้ว ก็ลองไปหาธัญพืชมากประโยชน์ชนิดนี้มาลองชิมกันดูนะคะ รับรองได้เลยว่า หากคุณได้รับประทานมันเข้าไปอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเราเป็นเพื่อนเฟสบุค http://www.facebook.com/HealthyThailandCenter
ติดตามกูรูด้านสุขภาพทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40HealthyThailand
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://goo.gl/oogIL8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น