เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
ช่วงเวลานี้เป็นเวลาแห่งการเปลี่ยนจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งย่อมมีผลให้อากาศเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก จากเดิมที่มีแดดเปรี้ยงจนทำให้เกิดอาการเหงื่อไหลไคลย้อย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสายฝนที่โปรยปรายลงมาจนชุ่มช่ำแทน ทำให้ร่มที่เคยทำหน้าที่ในการกันแสงแดดและรังสียูวี ต้องเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นการคอยป้องกันเม็ดฝนที่ร่วงโปรยลงมาจากฟากฟ้าแทน ช่วงฤดูกาลที่หมุนเวียนผ่านไปนี้ เป็นช่วงที่มีผลให้เราเกิดอาการป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถจะปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิของอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปได้ การเรียนรู้วิธีการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย จึงน่าจะเป็นการช่วยให้คุณไม่เกิดอาการเจ็บป่วยเช่นนี้ได้ง่าย
ชนิดของโรคที่พบมากในช่วงเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงนี้มีอยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่ ‘โรคระบบทางเดินหายใจ‘ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด และ ‘โรคระบบทางเดินอาหาร’ เช่น อาหารเป็นพิษและอุจจาระร่วง ดังนั้น ทุกๆคนจึงต้องมีความเข้าใจและรู้จักการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง เพื่อให้ตนเองสามารถปลอดภัยจากโรคต่างๆในช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ไปได้นั่นเอง แต่จะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อสร้างเสริมให้ร่างกายแข็งแรง มาหาคำตอบไปพร้อมๆกันตอนนี้เลยค่ะ
เรื่อง “อาหารการกิน” ถือเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมาก หากคุณคิดอยากที่จะมีร่างกายที่แข็งแรงไร้โรคภัย เคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้คุณแข็งแรงได้ควรเริ่มต้นจากการรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ และบรรจุในภาชนะที่สะอาดหรือปิดมิดชิดเสียก่อน ถ้าจะให้ดีก็ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง ซึ่งหาได้จากผลไม้รสเปรี้ยวอย่างกีวี ลูกเกด ส้ม สตรอว์เบอร์รี่ หรือในผักบางชนิด เช่น บร็อคโคลี่ ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี วิตามินซีที่อยู่ในผักและผลไม้เหล่านี้ จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานชีวิตและทำให้ไม่ป่วยง่าย อีกทั้งจะต้องพยายามดื่มน้ำสะอาดให้ได้มากเพียงพอ เพราะน้ำสามารถช่วยป้องกันอาการป่วยที่อาจเกิดขึ้นกับคุณได้ โดยน้ำจะเข้าไปทำให้เนื้อเยื่อต่างๆที่อยู่ในระบบทางเดินหายใจเกิดความชุ่มชื้น ซึ่งลักษณะเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคฝังตัวในร่างกาย และทำให้ระบบภูมิต้านทานชีวิตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ควรจะต้องล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทุกครั้งก่อนการรับประทานอาหาร เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
“ออกกำลังกายเป็นประจำ” เป็นวิธีง่ายๆที่ช่วยให้คุณมีร่างกายที่แข็งแรงได้ตลอดเวลา เพียงแต่คุณจำเป็นต้องมีวินัยให้มากเพียงพอ เพื่อที่จะช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรงได้อย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายง่ายๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองก็มีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การเดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ปั่นจักรยาน หรือการเล่นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่องประมาณวันละ 30 นาที ที่สำคัญอย่าออกไปออกกำลังกายในช่วงเวลาที่มีอากาศร้อนจัดเชียวละ เพราะคุณอาจจะปรับอุณหภูมิของร่างกายตามไม่ทัน และทำให้เกิดอาการป่วยได้ไปง่ายกว่าเดิม
หลังจากที่กินอิ่มและออกกำลังกายอย่างเหมาะสมไปแล้ว ก็ต้องอย่าลืมที่จะ “พักผ่อนให้เพียงพอ”ด้วย เพราะการนอนน้อยจนเกินไป จะมีผลให้จำนวนเซลล์ในร่างกายที่ทำหน้าที่ในการต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ มีจำนวนที่ลดน้อยลง ซึ่งหากทหารองครักษ์ที่ทำหน้าที่ในการป้องกันความปลอดภัยของร่างกายอ่อนกำลังลง ก็ย่อมมีผลให้คุณเจ็บป่วยได้ง่ายดายนั่นเอง วิธีที่เหมาะสมที่สุด จึงเป็นการนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาในการฟื้นฟูพลังงาน และกลับมาต่อสู้กับชีวิตในวันรุ่งขึ้นได้อีกครั้ง
เชื่อว่าทุกคนต้องแปรงฟันในทุกวันอยู่แล้ว และยิ่งบ้านนั้นอยู่ด้วยกันหลายคน แปรงสีฟันก็จะยิ่งมีปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งการเก็บแปรงสีฟันที่ผิดวิธีอาจทำให้เชื้อโรคแพร่จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งได้ง่าย “การเก็บแปรงสีฟันที่ถูกต้อง” จึงไม่ควรเสียบเอาไว้ในแก้วใบเดียวกัน หรือหันเอาขนแปรงเข้าหากัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีคนในบ้านป่วยด้วยแล้วละก็ จะยิ่งเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เชื้อโรคแพร่จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งได้ง่ายมากขึ้นไปอีก
หากคุณมีเวลาออกไป “รับอากาศที่บริสุทธิ์” ได้ในทุกเช้า ก็จะเป็นการช่วยฟอกปอดให้แข็งแรง และพร้อมรับมือต่อเชื้อโรคภายนอกได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ก็ควรจัดการอากาศที่อยู่ภายในห้องให้บริสุทธิ์ด้วย โดยหมั่นเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท เพื่อไล่เชื้อโรคที่อยู่ในห้อง หรือใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ล่องลอยอยู่ภายในห้อง ซึ่งหากคุณได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอากาศที่บริสุทธิ์ และไร้มลพิษ ก็ย่อมช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นได้อย่างแน่นอน
เรื่องสุดท้ายก็คือ “การทำจิตใจให้แจ่มใสเบิกบาน” ลองเจียดเวลาในการทำงานของคุณมาสัก 10-20 นาทีต่อวัน เพื่อเอาเวลานั้นมานั่งสมาธิ และทำจิตใจให้นิ่งสงบ เชื่อหรือไม่ว่า หากคุณสามารถทำเช่นนี้ได้ในทุกวัน อาการป่วยที่เคยเป็นอยู่บ่อยๆ ก็จะลดความถี่น้อยลงได้ เพราะการบริหารจิตเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยบริหารกายได้ เรียกได้ว่า แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอกเลยทีเดียว
เรื่องสุดท้ายก็คือ “การทำจิตใจให้แจ่มใสเบิกบาน” ลองเจียดเวลาในการทำงานของคุณมาสัก 10-20 นาทีต่อวัน เพื่อเอาเวลานั้นมานั่งสมาธิ และทำจิตใจให้นิ่งสงบ เชื่อหรือไม่ว่า หากคุณสามารถทำเช่นนี้ได้ในทุกวัน อาการป่วยที่เคยเป็นอยู่บ่อยๆ ก็จะลดความถี่น้อยลงได้ เพราะการบริหารจิตเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยบริหารกายได้ เรียกได้ว่า แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอกเลยทีเดียว
ทั้งหมดทั้งปวงนี้ เป็นเพียงคำแนะนำง่ายๆที่เชื่อว่าทุกคนน่าจะนำเอาไปปฏิบัติตามกันได้ไม่ยาก หากสามารถทำได้ครบทุกขั้นตอนตามที่กล่าวมานี้ ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหนๆ ก็คงไม่อาจทำให้คุณเจ็บป่วยได้ง่ายๆอย่างแน่นอน
------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเราเป็นเพื่อนเฟสบุค http://www.facebook.com/HealthyThailandCenter
ติดตามกูรูด้านสุขภาพทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40HealthyThailand
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://goo.gl/oogIL8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น