ปิดรอยแผลจากสิวด้วยสมุนไพร
เม็ดสิวที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเรามีอยู่หลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็ทิ้งร่องรอยความเจ็บแสบไปในรูปแบบที่ต่างกัน และไม่เพียงแต่รูปแบบของสิวเท่านั้นที่มีผลต้อร่องรอยในภายหลัง แต่ลักษณะเฉพาะตัวบุคคลหรือฮอร์โมนร่างกายของแต่ละคน ก็มีผลต่อการปรากฎกายของสิวและรอยสิวด้วย ทำให้เกิดเป็นรูปแบบรอยสิวที่แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะเป็นรอยสิวแบบไหนก็ล้วนแต่สร้างความไม่พอใจให้แก่พวกเราทั้งสิ้น จะต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะลบร่องรอยเหล่านั้นออกไป ตามมาหาคำตอบที่นี่ได้เลยค่ะ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับรูปแบบของรอยสิวกันก่อนดีกว่าว่ามีแบบไหนบ้างที่น่ากลัว และต่ละแบบมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร
1.รอยสิวอักเสบแดง เป็นรอยช้ำเป็นจ้ำ รอยสิวชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นรอยแดงที่เกิดจากการเป็นสิวอักเสบซ้ำแล้วซ้ำอีกที่บริเวณเดิม รักษาอย่างไรก็ยังเป็นซ้ำที่เดิมอยู่ดี
2.รอยสิวสีดำหรือสีน้ำตาล รอยสิวนี้เกิดขึ้นเมื่อกระบวนการสมานเนื้อเยื่อและการสร้างเซลล์เม็ดสีผิวทำได้อย่างไม่สมบูรณ์ ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดเป็นสีดำหรือสีน้ำตาล แม้ว่าสิวเม็ดจะยุบและหายสนิทดีแล้วก็ตาม รอยสีน้ำตาลเหล่านี้ก็จะยังปรากฎเป็นหลักฐานบนใบหน้าอยู่ตลอด
3.รอยแผลเป็นชนิดบุ๋ม รอยแผลชนิดนี้เกิดขึ้นจากการที่เนื้อเยื่อบนชั้นผิวถูกทำลายไป และผิวหนังไม่สามารถสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ รอยแผลชนิดนี้มักเกิดจากการบีบสิวอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังไปในที่สุด
2.รอยสิวสีดำหรือสีน้ำตาล รอยสิวนี้เกิดขึ้นเมื่อกระบวนการสมานเนื้อเยื่อและการสร้างเซลล์เม็ดสีผิวทำได้อย่างไม่สมบูรณ์ ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดเป็นสีดำหรือสีน้ำตาล แม้ว่าสิวเม็ดจะยุบและหายสนิทดีแล้วก็ตาม รอยสีน้ำตาลเหล่านี้ก็จะยังปรากฎเป็นหลักฐานบนใบหน้าอยู่ตลอด
3.รอยแผลเป็นชนิดบุ๋ม รอยแผลชนิดนี้เกิดขึ้นจากการที่เนื้อเยื่อบนชั้นผิวถูกทำลายไป และผิวหนังไม่สามารถสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ รอยแผลชนิดนี้มักเกิดจากการบีบสิวอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังไปในที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลเป็นจากสิวแบบไหนก็ล้วนแต่จะทำให้ใบหน้าของเราดูหมองคล้ำลงไปได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะคนไหนที่มือนบอน อยู่ไม่สุก ชอบเอามือไปแกะและบีบสิวด้วยแล้ว ยิ่งมีผลให้รอยสิวยิ่งช้ำรุนแรงมากขึ้นไปใหญ่ แม้ว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ลบเลือนริ้วรอยแบบไหนก็เอาไม่อยู่ หรือต้องใช้เวลานานกว่าสามารถรักษารอยสิวให้หายสนิทได้ ลองคิดดูว่าปกติแล้วคุณต้องใช้เวลามากเท่าไรจึงจะทำให้รอยสิวนั้นหายไป ถ้าคิดว่าเวลาเหล่านั้นยาวนานเหลือเกิน ลองใช้ตัวช่วยเหล่านี้ดูสิค่ะ น่าจะทำให้รอยสิวของคุณหายเร็วขึ้นได้กว่าเดิม ราคาประหยัด แถมยังเป็นวิธีจากธรรมชาติที่มีผลดีต่อใบหน้าของคุณด้วย
สมุนไพรกำจัดรอยแผลเป็นจากสิว
1.หอมแดง
หอมแดงเป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรียบนผิวหนังได้ดี แต่ก็มีฤทธิ์ในการกัดผิวที่ค่อนข้างรุนแรงเช่นกัน คนที่จะใช้หอมแดงเพื่อรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้จะต้องเป็นคนที่มีผิวหน้าค่อนข้างแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย วิธีการก็แค่ปอกเปลือกหอมแดงให้เกลี้ยง ล้างให้สะอาด แล้วฝานเป็นแผ่นบางๆ เพื่อนำมาโปะไว้ผิวหน้าตรงบริเวณที่มีรอยด่างดำจากสิว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำเช่นนี้ติดต่อกันสัก 3-4 วัน รอยด่างดำที่เคยมีจะดูจางลง อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกว่าคันหรือมีอาการคันหรือแพ้มากๆ ควรนำออกทันทีเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณ
2.มะละกอ
มะละกอก็สามารถลดรอยแผลเป็นจากสิวได้ดีไม่แพ้กัน เพราะในเนื้อมะละกอจะมีเอ็นไซม์ที่ช่วยทำให้เนื้อเยื่อที่ตายแล้วหลุดลอกออกจากผิวหน้าได้ง่าย ทำให้ผิวหนังสามารถผลัดเซลล์ผิวได้เร็วขึ้น ส่วนวิธีการก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เลือกใช้มะละกอสุก ปอกเปลือกออกให้หมด ล้างยางให้สะอาด แล้วบดเนื้อมะละกอให้ละเอียด นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำซ้ำๆเป็นประจำจะช่วยทำให้รอยสิวจางลงได้ แถมยังช่วยบำรุงผิวหน้าให้ใส หน้าเด้งมากขึ้นได้อีกด้วย
3.ใบบัวบก
ใบบัวบกมีสารไกลโคไซด์ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยต่อต้านการเกิดสารอนุมูลอิสระ และช่วยสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิวหน้า การบำรุงด้วยน้ำใบบัวบกอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้รอยดำจากสิวค่อยๆเลือนหายไปได้ สูตรนี้ทำได้ไม่ยากเพียงแค่นำเอาใบบัวบกไปปั่นให้ละเอียด แล้วนำใบบัวบกบดมาพอกหน้าทิ้งไว้ หลังจากผ่านไปประมาณ 10-15 นาทีจึงล้างออก ใบบัวบกจะปล่อยสารสำคัญออกมาช่วยบำรุงผิวหน้าของเราให้เนียนใสไร้รอยสิวได้
4.มะนาว
มะนาวก็เป็นอีกชนิดสมุนไพรที่สามารถลบเลือนรอยสิวได้ดีไม่แพ้ใคร แค่บีบน้ำมะนาวออกมาสัก 1-2 หยด แล้วนำมาแต้มไว้บนรอยสิว 10-15 นาที เมื่อครบเวลาก็ล้างออก กรดอ่อนในมะนาวจะช่วยลอกเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วออกได้ นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวใหม่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
หากคิดจะรักษารอยแผลเป็นจากสิวแบบธรรมชาติโดยไม่พึ่งพาสารเคมี ก็ลองเอาสมุนไพรทั้งสี่ชนิดนี้ไปประยุกต์ใช้กันได้ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมทดสอบการแพ้กับผิวส่วนอื่นดูก่อน เพราะสภาพผิวของแต่ละคนทนทานต่อการกัดกร่อนได้ไม่เท่ากัน การจะใช้ให้ได้ผลดีควรเลือกใช้สารที่ถูกต้องกับผิวหน้าด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่แสดงออกมาจะช้าหรือเร็วก็ต้องขึ้นอยู่กับความขยันและสภาพผิวของคุณ แต่ถ้าคุณพยายามเรียนรู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้อง ผลสำเร็จของการมีใบหน้าขาวใสไร้รอยสิวต้องเกิดขึ้นกับคุณสักวันอย่างแน่นอน
------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเราเป็นเพื่อนเฟสบุค http://www.facebook.com/HealthyThailandCenter
ติดตามกูรูด้านสุขภาพทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40HealthyThailand
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://goo.gl/oogIL8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น