ดูแลหน้าใสด้วยใบว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ ถือเป็นสมุนไพรไทยที่เป็นที่รู้จักกันมาแต่ช้านาน คนโบราณนิยมปลูกว่านหางจระเข้ไว้ติดบ้าน หากเกิดอุบัติเหตุน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ หรือผิวหนังผุพอง ก็สามารถนำวุ้นจากว่านหางจระเข้นี้ มาใช้รักษาอาการปวดแสบปวดร้อนได้ทันที ทั้งนี้ก็มีเหตุผลเนื่องมาจากคุณสมบัติภายในของว่านหางจระเข้ ที่นักวิทยาศาสตร์หลายต่อหลายคนได้ศึกษาทดลองมาแล้วว่า วุ้นของใบว่านหางจระเข้มีความสามารถในการรักษาบาดแผลและเร่งการสมานแผลได้จริง แต่นอกเหนือจากคุณสมบัติดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ทุกคนทราบหรือไม่ค่ะว่า ว่านหางจระเข้ยังมีความสามารถในการรักษาผิวหน้าของเราให้ดูขาวใสเรียบเนียนได้อีกด้วย แต่จะเป็นเพราะเหตุผลประการใดนั้น ต้องมาศึกษาไปพร้อมๆกันค่ะ
องค์ประกอบของเนื้อว่านหางจระเข้นั้น ประกอบไปด้วยน้ำเกือบทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 99% ในขณะที่อีก 1 % ที่เหลือ จะมีลักษณะเป็นของแข็ง ที่ประกอบไปด้วยสารโพลีแซคคาไรด์ โปรตีน เอนไซม์ วิตามิน หรือแร่ธาตุ เป็นต้น
เป็นที่ยอมรับแล้วว่า “ว่านหางจระเข้” สามารถช่วยรักษาผิวหน้าที่ถูกแสงแดดแผดเผาได้เป็นอย่างดี แม้ว่าผิวหนังนั้นจะไหม้เกรียมเนื่องจากต้องเผชิญหน้ากับแสงแดด แต่หากได้รับการเยียวยาด้วยว่านหาหางงจระเข้แล้ว ก็มีสิทธิที่จะกลับคืนสู่สภาวะปกติได้ดังเดิมอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ จึงนิยมมีการนำเอาว่านหางจระเข้มาผสมเข้ากับโลชั่น เพื่อใช้ทาบำรุงผิวเพื่อป้องกันผิวไม่ให้ถูกแสงแดดแผดเผาได้เป็นอย่างดี โดยการเลือกว่านหางจระเข้ที่เหมาะสมมีหลักง่ายๆ คือ จะต้องเลือกใบว่านหางจระเข้ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี ขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ว่านหางจระเข้มีการสะสมแร่ธาตุเอาไว้ภายในอย่างมากเพียงพอ ทำให้ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการเป็นยาสมุนไพรที่ครบถ้วน ดังนั้น จึงควรเลือกเอาใบที่อยู่ด้านล่างสุดของต้นมาใช้ก่อน เนื่องจากจะเป็นใบที่มีวุ้นอยู่ภายในมากที่สุด
ก่อนอื่นจะต้องนำว่านหางจระเข้ที่ตัดมาทั้งเปลือกไปแช่น้ำผสมกับเกลือก่อนสักประมาณ 10-15 นาที เพื่อล้างเอาคราบยางสีเหลืองที่ติดมาออกให้หมดจด และควรเปลี่ยนน้ำที่ใช้แช่ใบว่านหางจระเข้หลายๆครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถล้างยางออกได้หมดจริงๆ เพราะหากมียางสีเหลืองติดมาจะส่งผลให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง เป็นผื่นแดง หรือปวดแสบปวดร้อนได้ง่าย จากนั้นจึงนำว่านหางจระเข้มาปอกเอาเปลือกสีเขียวออกให้เหลือเฉพาะวุ้นสีใสๆข้างใน แล้วนำวุ้นที่ได้ไปล้างน้ำทำความสะอาดอีกครั้ง ก่อนจะนำเอาวุ้นไปปั่นหรือขยำให้แตกละเอียด ก็จะได้เป็น ‘เจลว่านหางจระเข้’ ออกมา ซึ่งเมื่อถึงขั้นตอนนี้ก็พร้อมที่จะนำมาบำรุงผิวหน้าของคุณแล้วละค่ะ
ก่อนอื่นจะต้องนำว่านหางจระเข้ที่ตัดมาทั้งเปลือกไปแช่น้ำผสมกับเกลือก่อนสักประมาณ 10-15 นาที เพื่อล้างเอาคราบยางสีเหลืองที่ติดมาออกให้หมดจด และควรเปลี่ยนน้ำที่ใช้แช่ใบว่านหางจระเข้หลายๆครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถล้างยางออกได้หมดจริงๆ เพราะหากมียางสีเหลืองติดมาจะส่งผลให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง เป็นผื่นแดง หรือปวดแสบปวดร้อนได้ง่าย จากนั้นจึงนำว่านหางจระเข้มาปอกเอาเปลือกสีเขียวออกให้เหลือเฉพาะวุ้นสีใสๆข้างใน แล้วนำวุ้นที่ได้ไปล้างน้ำทำความสะอาดอีกครั้ง ก่อนจะนำเอาวุ้นไปปั่นหรือขยำให้แตกละเอียด ก็จะได้เป็น ‘เจลว่านหางจระเข้’ ออกมา ซึ่งเมื่อถึงขั้นตอนนี้ก็พร้อมที่จะนำมาบำรุงผิวหน้าของคุณแล้วละค่ะ
อย่างไรก็ตาม ก็ที่จะชโลมเจลว่านหางจระเข้ลงบนผิวหน้า ก็ควรทำให้แน่ใจเสียก่อนว่าผิวหน้าของคุณนั้นไม่มีอาการแพ้สมุนไพรชนิดนี้จริง วิธีการทดลองก็ทำโดยการนำวุ้นว่านหางจระเข้นั้นมาทาในบริเวณโคนหูหรือท้องแขน ทิ้งเอาไว้สักครู่ก่อน หากไม่เกิดอาการคันหรือเป็นผื่นแดง ก็แสดงว่าคุณไม่ได้มีอาการแพ้เจลว่านหางจระเข้แต่อย่างใด และน่าจะสามารถนำเอามาบำรุงผิวหน้าได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ควรจำไว้ให้ดีว่า การใช้เจลว่านหางจระเข้ในการบำรุงผิว ควรหลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีปัญหาสิวหัวหนอง เนื่องจากผลของการบำรุงด้วยว่านหางจระเข้ อาจจะทำให้สิวที่คุณกำลังเป็นอู่หายช้ามากกว่าเดิมได้
ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่าการใช้เจลว่านหางจระเข้บำรุงผิวหน้าในแต่ละบุคคลนั้น จะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้ผลที่คุณได้รับมีประสิทธิภาพสูงมากที่สุด
หากคุณเป็นคน “ผิวมัน” จะต้องเริ่มต้นจากการล้างผิวหน้าให้สะอาดเสียก่อน เช็ดหน้าให้แห้ง แล้วจึงนำเอาเจลว่านหางจระเข้สดที่เตรียมเอาไว้ มาทาพอกให้ทั่วใบหน้าแต่เว้นรอบดวงตาและปากเอาไว้ จากนั้นทิ้งใบหน้าที่พอกเจลเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
แต่หากคุณเป็นคน “ผิวแห้ง” ให้เริ่มต้นทำความสะอาดผิวหน้าเหมือนกับที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่เจลว่านหางจระเข้ที่ใช้ ควรนำมาผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำมันมะกอกและไข่แดงเสียก่อน แล้วจึงนำเอาไปพอกให้ทั่วทั้งใบหน้า โดยเว้นรอบดวงตาและปากเอาไว้เช่นกัน ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาด
แต่หากวัตถุประสงค์ของคุณ คือ การพอกหน้าเพื่อให้มีผิวที่กระจ่างใสสวยงาม และลดความมันบนใบหน้า ให้นำเอาเจลว่านหางจระเข้ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับดินสอพองปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ และนมสดอีก 1.5 ช้อนโต๊ะ ก่อนจะผสมทุกสิ่งอย่างให้เข้ากัน แล้วจึงนำไปพอกให้ทั่วทั้งใบหน้า โดยเว้นดวงตาและปากไว้เช่นเคย ใช้เวลาเท่ากับสูตรต่างๆที่เคยกล่าวมาที่ 20 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก็จะช่วยให้คุณมีใบหน้าที่ขาวกระจ่างใสขึ้นได้แล้วละค่ะ
หากคุณเป็นคน “ผิวมัน” จะต้องเริ่มต้นจากการล้างผิวหน้าให้สะอาดเสียก่อน เช็ดหน้าให้แห้ง แล้วจึงนำเอาเจลว่านหางจระเข้สดที่เตรียมเอาไว้ มาทาพอกให้ทั่วใบหน้าแต่เว้นรอบดวงตาและปากเอาไว้ จากนั้นทิ้งใบหน้าที่พอกเจลเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
แต่หากคุณเป็นคน “ผิวแห้ง” ให้เริ่มต้นทำความสะอาดผิวหน้าเหมือนกับที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่เจลว่านหางจระเข้ที่ใช้ ควรนำมาผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำมันมะกอกและไข่แดงเสียก่อน แล้วจึงนำเอาไปพอกให้ทั่วทั้งใบหน้า โดยเว้นรอบดวงตาและปากเอาไว้เช่นกัน ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาด
แต่หากวัตถุประสงค์ของคุณ คือ การพอกหน้าเพื่อให้มีผิวที่กระจ่างใสสวยงาม และลดความมันบนใบหน้า ให้นำเอาเจลว่านหางจระเข้ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับดินสอพองปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ และนมสดอีก 1.5 ช้อนโต๊ะ ก่อนจะผสมทุกสิ่งอย่างให้เข้ากัน แล้วจึงนำไปพอกให้ทั่วทั้งใบหน้า โดยเว้นดวงตาและปากไว้เช่นเคย ใช้เวลาเท่ากับสูตรต่างๆที่เคยกล่าวมาที่ 20 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก็จะช่วยให้คุณมีใบหน้าที่ขาวกระจ่างใสขึ้นได้แล้วละค่ะ
การพอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้สดๆนี้สามารถทำได้บ่อยครั้งตามที่ต้องการ แต่ถ้าจะให้เห็นผลที่ดี ควรทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ซึ่งหากคุณมีวินัยในการพอกหน้าอย่างสม่ำเสมอ ผิวหน้าที่ขาวเนียนสดใสที่คุณรอคอยก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน
------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเราเป็นเพื่อนเฟสบุค http://www.facebook.com/HealthyThailandCenter
ติดตามกูรูด้านสุขภาพทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40HealthyThailand
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://goo.gl/oogIL8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น